1. ในช่วงรันอิน ขณะที่ขับรถไปได้ 1,600 กิโลเมตรแรก จำกัดความเร็วให้อยู่ต่ำกว่า 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเอาไว้ หรือความเร็วตามที่แนะนำสำหรับรถแต่ละรุ่น
2. หลีกเลี่ยงสิ่งของกระทบถูกรถ เพราะแม้แต่ลูกบอลพลาสติกเบา ๆ กระทบก็ทำให้เกิดรอยขนแมวได้
3. อย่าเร่งเครื่องเวลาสตาร์ททันที โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศข้างนอกหนาวเย็น ทางที่ดีควรเร่งความเร็วหลังผ่านไปประมาณสัก 10 - 20 นาที
4. พักเครื่องยนต์ด้วยการเลื่อนเกียร์ว่างให้อยู่ในตำแหน่งไฟสีแดง ไม่อย่างนั้นแม้จะไม่ได้ขับรถ ตัวเครื่องก็จะยังคงทำงานอยู่
5. พยายามไม่ขับรถเร็วจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนหรือเย็นจัด
6. หลีกเลี่ยงการหยุดรถกะทันหันที่จะทำให้ล้อสึกอย่างรวดเร็ว
7. เวลาหมุนพวงมาลัย ไม่ควรหักไปทิศทางใดจนสุด
8. หากรถติดอยู่ในพวกหลุมโคลนขนาดใหญ่จนเอาขึ้นมาลำบาก ควรเรียกช่างมาช่วยยกแทนที่จะพยายามเร่งเครื่องให้หลุดออกมา
9. การพ่วงของอื่น ๆ ไว้กับกุญแจรถด้วย จะทำให้กุญแจรถหนักขึ้น บวกกับเวลาที่ขับ แรงสั่นสะเทือนก็จะยิ่งทำให้ช่องที่เสียบกุญแจรถรับภาระหนักขึ้นอีก จนชิ้นส่วนภายในสึกหรอได้ เพราะฉะนั้นเลือกเอาเครื่องประดับเล็ก ๆ ชิ้นเบา ๆ มาใช้ก็พอแล้ว
10. หมั่นสังเกตหรือถ้าจะให้ดีก็ควรจดเอาไว้ด้วยว่าวัน ๆ น้ำมันของคุณหมดไปเท่าไหร่ และวันนี้ขับไปเป็นระยะทางเท่าไหร่ ถ้าน้ำมันหดหายจนผิดสังเกต จะได้ตามช่างมาดูสิ่งผิดปกติได้ทัน
11. อย่าทิ้งรถไว้เฉย ๆ นานเกินไปจนเครื่องยนต์สึกกร่อนเสียหาย โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่ต้องถูกดึงไฟมาใช้อยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ใช้ เพราะฉะนั้นคุณจึงควรสตาร์ทรถวอร์มเครื่องบ้าง
12. ใช้ขาตั้งยกรถเป็นตัวค้ำเวลาจอด รถจะได้ไม่ต้องรับน้ำหนักมากเกินไป
13. จอดรถในที่ร่ม เพื่อไม่ให้รถร้อน หรือจะเลือกใช้รถเป็นสีที่คายความร้อนเช่นสีสว่างเป็นมันเงาดูก็ได้
14. ทำความสะอาดแผงหน้าปัดด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาด และหมั่นดูดฝุ่นในรถเสมอ
15. เคลือบเบาะหนังเพื่อให้รถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ
16. แก้ปัญหาไฟท้ายมีร่องรอยด้วยการเอาเทปซึ่งขายในร้านอุปกรณ์สำหรับรถมาติด ก่อนที่น้ำจากฝนจะรั่วซึมเข้ามาติดอยู่ภายใน
17. ต่อให้เป็นรถที่ทนทานขนาดไหนก็ไม่ควรบรรทุกของหนักเกินไป ไม่ว่าจะเป็นที่ท้ายรถหรือมัดไว้บนหลังคาก็ตาม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วควรจุไม่เกิน 90 กิโลกรัม
18. มองหาผ้ามาคลุมรถทุกครั้งตอนที่เก็บในโรงรถเพื่อรักษาสีให้ดูใหม่นาน ๆ
19. สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกของไปด้วย ควรใช้ผ้าหนา ๆ ปูสักชั้นก่อนใส่ของลงไปด้วย จะได้ไม่ขูดขีดโดนรถจนเป็นรอย
20. เคลือบแว็กซ์อีกชั้นเพื่อถนอมสีรถให้ติดทนนานยิ่งขึ้น รวมทั้งกันรอยขูดขีดด้วย
21. ตอนที่เติมลมยางรถ ลองสังเกตดูสิว่ามีความชื้นออกมาจากตัวปั๊มลมด้วยรึเปล่า ถ้ามีก็หยุดซะ เพราะหากมีความชื้นเข้าไปฝังตัวด้านในจะทำให้ล้อเสียหายได้
22. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดล้อที่เหมาะสม และพยายามขยันใช้เป็นประจำ เพราะล้อต้องเจอสิ่งสกปรกบ่อยกว่าส่วนอื่น ๆ
23. หยอดน้ำมันหล่อลื่นลงน๊อตล้อเพื่อกันความฝืดเคือง ให้เครื่องทำงานได้สะดวกมากขึ้น
24. ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกนั้นค่อนข้างไม่ถูกกับความชื้นเป็นพิเศษ มันจึงควรถูกเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง และควนตรวจเช็คอย่างน้อยทุก ๆ 3 ปี
25. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อย ๆ คราบตกตะกอนจะได้ไม่ฝังอยู่ภายใน
26. คุณต้องทำความสะอาดฝาถังน้ำมันบางเช่นกัน เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกอุดตันอยู่ภายใน
27. ตรวจเช็คแบตเตอรี่เป็นประจำ ถ้ามีรอยแตกร้าวควรเปลี่ยนทันที และควรทำความสะอาดด้วย
28. เปลี่ยนหัวเทียนเมื่อคุณขับรถไปได้ 48,000 - 64,000 กิโลเมตร
29. ใช้น้ำสะอาดเติมลงหม้อน้ำรถยนต์เท่านั้น เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปสะสม โดยผสมน้ำยาหล่อเย็นและน้ำเปล่าในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง
30. ปูผ้าขนหนูไว้บนเบาะก่อนเอาที่นั่งเด็กมาวางทับ เพื่อกันรอยขีดข่วน
31. กระปุกเก็บน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ต้องมีน้ำมันอยู่ในระดับพอดี และฝาปิดสนิทก่อนสตาร์ทเครื่องด้วย ไม่อย่างนั้นหากเจอความร้อนหลังเครื่องทำงานเข้าไป อาจยิ่งเพิ่มความดันจนทำให้น้ำมันล้นออกมาได้
32. ควรเปลี่ยนสายพานราวลิ้นตามระยะเวลาที่แนะนำในคู่มือ
33. หมั่นตรวจน้ำกลั่นแบตเตอรี่ไม่ให้อยู่ต่ำกว่าระดับที่ควร
34. ถอดก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาเช็ดทำความสะอาดบ้าง
35. ตรวจเช็ควาล์ว PCV หรือ Positive Crankcase Ventilation และเปลี่ยนหลังขับรถไปเป็นระยะทาง 48,000 กิโลเมตร
36.เมื่อนำรถจอดตากแดดเป็นเวลานานๆ ก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด(ปิดสวิตซ์ A/C) เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์ออกเสียก่อน แล้วจึงค่อยเปิดน้ำยาแอร์ (เปิดสวิตซ์ A/C)
37. ก่อนจอดรถทิ้งไว้นานๆ เช่น จอดข้ามคืน ควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด(ปิดสวิตซ์ A/C) ประมาณ 5 นาที เพื่อไล่ความชื้น ไล่น้ำ ที่ค้างอยู่ในตู้แอร์ออกก่อน เพราะตู้แอร์ทำจาก อลูมิเนียม จะเกิดการผุกร่อนได้ง่าย และจะทำให้ตู้แอร์ลดการเหม็นอับอีกด้วย
38. จงจำไว้เสมอว่า ระบบแอร์ เป็น "ระบบปิด" ดังนั้นเมื่อรถคุณเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ แสดงว่า เกิดการรั่วของระบบแอร์ในรถของคุณแล้ว
39. ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อย เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอก เข้ามาอุดตันในตู้แอร์ ได้เร็วยิ่งขึ้น
40. เมื่อแอร์ไม่เย็น(กรณีเปิดน้ำยาแอร์แล้ว,เปิดสวิตซ์ A/C แล้ว) แต่ยังไม่เย็น ให้รีบปิด น้ำยาแอร์หรือ สวิตซ์ A/C ทันที เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าเกิดการรั่วในระบบ น้ำยาแอร์และ น้ำมันคอมเพรสเซอร์จะมีน้อยมากในระบบ จะทำให้คอมเพรสเซอร์พังมากขึ้นกว่าเดิม แล้วควรนำรถไปเช็คให้เร็วที่สุด แต่กรณีนี้ใช้ลมเปล่าก่อนก็ได้
41. ควรล้างตู้แอร์ ทุกๆ 2 ปี หรือถ้าใครเปิดกระจกขับรถบ่อย ให้ล้างทุกๆ ปี หรือตามเห็นสมควร
42. เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องเปิดกระจกขับรถ ควรปิดช่องแอร์บริเวณคอลโซลหรือจุดที่แอร์ ออกให้หมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์น้อยที่สุด
ที่มา กระปุกดอจคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น